นาฬิกา panerai มือสองของแท้ ราคาย่อมเยา หลากหลายรุ่น ราคาดีที่สุด

นาฬิกา panerai ทำความรู้จักคอลเลกชัน Submersible Bronzo เป็นอีกแบรนด์ที่สะดุดตาสำหรับเพื่อการผลิตนาฬิกามุดน้ำ ทั้งยังเคยผลิตนาฬิกามุดน้ำให้กับทัพเรืออิตาลีมาอย่างนาน มีคุณลักษณะเด่นทางเทคโนโลยีล้ำยุครวมทั้ง Crown Guard อันเป็นเอกลักษณ์ส่วนตัวที่ไม่มีใครเหมือน ก็เลยทำให้เป็นเยี่ยมในนาฬิกายอดนิยมมหาศาล ในปี 2011 ได้พรีเซนเทชั่นนาฬิกามุดน้ำในรูปลักษณ์ใหม่โดยการนำเอา Bronze ที่มีส่วนผสมของทองแดงแล้วก็แร่ดีบุก โดยจะมีทองแดงมากยิ่งกว่า 60% ขึ้นไป ส่วนโลหะด้ามจับคู่นอกเหนือจากแร่ดีบุกและก็บางทีอาจใช้เป็นโลหะอื่นได้ ยิ่งใส่ทองแดงมากมายสีของผิวก็จะออกสีแดงมากมาย มีความคงทนและก็สามารถขึ้นทรงที่มีความยืดหยุ่นสูง โทนสีของบรอนซ์จะแปรไปตามระยะเวลาและก็การสัมผัสทำให้นาฬิกาบรอนซ์ทุกเรือนมีเอกลักษณ์เฉพาะบุคคล สร้างความอยากและก็เปลี่ยนเป็นด้ามจับตามองในกรุ๊ปของนักสะสมอย่างยิ่ง ในคราวนี้ Auction House จะพาทุกคนมาทำความรู้จักกับคอลเลกชัน Submersible Bronzo ในตอนนี้ที่นำเอาบรอนซ์ (Bronze) มาผลิตนาฬิกาทั้งหมดทั้งปวง 4 รุ่น

แบรนด์ลูกครึ่งอิตาลี-สวิตซ์ที่มีจุดแข็งทางเทคโนโลยีล้ำยุค นาฬิกา panerai

รวมทั้ง Crown Guard อันเป็นเอกลักษณ์ที่สะดุดตามองเห็นได้แต่ไกล เป็นแบบอย่างที่สุดยอดของการขมักเขม้นทำสิ่งที่ตนถนัดรวมทั้งหมั่นก้าวไปด้านหน้าอย่างไม่ยอมแพ้จนได้ดี ทำให้ทุกๆวันนี้ผู้คนต่างเห็นด้วยเป็นเสียงเดียวกันว่าเรือนเวลาของพวกเขาคุณภาพดี มีเอกลักษณ์ แล้วก็คุ้มต่อการใช้แรงงาน แทบจะไม่มีนาฬิกาแบรนด์ไหนจะมีประวัติที่มาที่ไปที่สะดุดตา เสมือนได้แก่ Officine อันเป็นชื่อเดิมของนาฬิกาชนชาติอิตาเลียน ที่นับตั้งแต่ปี 1997 เป็นต้นมาได้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งส่วนใดของริดูอนต์ กลุ่ม

จากความนิยมของ PANERAI ที่มองนิ่งๆไปในตอนปีข้างหลังๆมานี้ ซึ่งแม้ว่าจะพากเพียรออกแบบใหม่ๆมาอย่างสม่ำเสมอก็ตาม แม้กระนั้นดูอย่างกับว่าการตอบกลับจะมิได้ดีขนาดที่หวังไว้ จนกว่าถึง Luminor Due นาฬิกาคอลเลคชั่นใหม่ที่เปิดตัวมาในตอนกลางปี 2016 ที่คาดว่าน่าจะกลับมาเรียกความพอใจจากผู้คนได้ค่อนข้างจะมากมายกันอีกรอบ โดยยกความบางของตัวบ้านซึ่งทำให้สวมได้ง่ายแล้วก็ค่อยสบายข้อมือเพิ่มขึ้นมาเป็นคุณลักษณะเด่น ช่วงเวลาที่ทรงรวมทั้งขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางของตัวบ้านนั้นยังคงรักษาแบบอย่างและก็ขนาดที่ละม้ายกับตัวบ้านแบบ Luminor 1950 ในตอนนี้เอาไว้ พวกเราก็เลยต้องการจะนำผลงานจากความมุ่งมั่นและก็ความอุตสาหะของ PANERAI คราวนี้ มานำเสนอกัน

โดยธรรมดานาฬิกาทุกเรือนต่างมีเลข Serial Number (ซีเรียล) รวมทั้ง Series (ซีรีส์) ของนาฬิกา Omega แต่ว่าที่แบรนด์นาฬิกาต่างมีเป็นการใช้ลำดับที่ประจำเครื่องชนิดต่างๆแล้วก็ต่างแบบอย่างกันออกไป เพื่อสร้างลำดับที่ประจำเครื่องที่ชี้เฉพาะ อย่างงมากระหว่างเลขลำดับซีเรียลกับเลขลำดับอ้างอิง ซึ่งเป็นตัวเลขระบุคนละจำพวกกันเลขซีเรียล Serial Number เป็นลำดับที่เฉพาะของนาฬิกาแต่ละเรือน และก็นาฬิกาแต่ละเรือนจะมีแบบเลขลำดับซีเรียลเฉพาะโดยขึ้นกับปีที่ผลิตต้นแบบที่ใช้ สำหรับการสร้างลำดับที่ประจำเครื่อง และก็ส่วนต่างๆของลำดับที่ประจำเครื่องกลุ่มนี้ช่วยทำให้สามารถใช้กำหนดปีที่ผลิตนาฬิกาได้

 

 

 

 

 

 

ร่วมมือกับทัพเรืออิตาลีอย่างเป็นจริงเป็นจัง แล้วก็ประสบความสำเร็จสำหรับเพื่อการผลิตนาฬิกา

เรือนแรกสำหรับภารกิจใต้น้ำ โดยได้จดสิทธิบัตรอีกหลายรายการจากการสร้างนาฬิกาคราวนี้ แล้วต่อจากนั้นก็ผลิตนาฬิกาเรื่อยๆมาจนถึงปฏิบัติราชการ แต่ว่าที่พูดถึงสูงที่สุดก็คือการสร้างเรือนต้นแบบในตอนปี 1936 โดยใช้ชื่อ Radiomir ได้แก่เดิม แม้กระนั้นวางแบบสำหรับนักทำลายใต้น้ำสำหรับกองเรือมุดน้ำที่ 1 ของกองทัพเรืออิตาลี

โดยเป็นตัวเรือนสเตนเลสสตีลขนาดใหญ่ 47.0 มม. พร้อมสายหนังแบบยาวสำหรับคาดทับชุดมนุษย์กบ ดำเนินงานด้วยกลไกไขลาน ขาตัวบ้านแบบเครื่องทอผ้าระทะซึ่งสามารถกันน้ำได้อย่างยอดเยี่ยม หน้าปัดชั่วโมงวางแบบผสมระหว่างเลขโรมัน เลขฮินดูอารบิก รวมทั้งขีด รวมทั้งสามเหลี่ยมที่ 12 นาฬิกา หน้าปัดจำพวกนี้ดีไซน์บนรากฐานเพื่อให้มีความปลอดภัยของการมุดน้ำสำหรับในการอ่านค่าเวลาในทุกๆระยะเวลาแล้วก็ทุกภาวะแสงสว่าง ที่มีความสามารถในการอ่านค่าเวลาได้อย่างเที่ยงตรงเพราะเหตุว่าหลักชั่วโมงวางแบบให้ไม่เหมือนกันอย่างสิ้นเชิงเพื่อคุ้มครองปกป้องความสับสนนั่นเอง

Luminor Submersible 1950 3 Days Automatic Bronzo PAM00382 เปิดตัวปี 2011 นับว่าเป็นรุ่นที่น่าจับตาของ เพราะเหตุว่าเป็นการเปลี่ยนรูปลักษณ์ใหม่จากนาฬิกาที่ผลิตด้วยสแตนเลสสตีล ไทเทเนียม หรือโรสโกล์ด มาเป็นอุปกรณ์อย่างบรอนซ์ที่ให้เฉดสีใหม่แล้วก็มีเอกลักษณ์ส่วนตัว ซึ่งบรรลุความสำเร็จอย่างยิ่ง ทำให้รุ่นนี้เป็นที่พอใจแล้วก็เป็นที่เรียกร้องของนักสะสมมากมายก่ายกอง ตัวบ้านขนาดใหญ่ 47 มิลลิเมตร ทำมาจากบรอนซ์รวมทั้งมีการขัดมันอย่างงดงาม มีคุณลักษณะทนต่อสิ่งแวดล้อมโดยยิ่งไปกว่านั้นน้ำทะเล หน้าปัดสีเขียวทหารเข้ากันได้กับตัวบ้านสีบรอนซ์ mgame248

มีหน้าต่างวันที่ที่ตำแหน่ง 3 นาฬิกา กับหน้าปัดย่อยแสดงวินาทีที่ตำแหน่ง 9 นาฬิกา มีรูปลักษณ์ที่วินเทจรวมทั้งอ่านเวลาได้ง่ายในทุกเหตุการณ์หากแม้อยู่ในที่มืด นาฬิกา panerai เนื่องจากมีการฉาบสารเรืองแสงไว้ ข้างหลังตัวบ้านทำมาจากไทเทเนียม สามารถเห็นกลไกการทำงานได้ผ่านกระจกแซฟไฟร์ที่ฉาบสารคุ้มครองแสงสะท้อน แล้วก็เอกลักษณ์อีกอย่างของตัวบ้านบรอนซ์เป็นสีจะเปลี่ยนไปตามภาวะการใช้แรงงานทำให้ได้นาฬิกาที่มีเอกลักษณ์ส่วนตัว ปฏิบัติงานด้วยกลไก In-House Movement Calibre P.9000 ที่ดินแบรนด์ปรับปรุงขึ้นมา ปฏิบัติงานด้วยความถี่ 28,800 ครั้งต่อชั่วโมง สำรองพลังงานได้สูงสุด 3 วัน และก็สามารถปรับเวลาถึงที่กะไว้เข็มชั่วโมงโดยไม่ก่อกวนลักษณะการทำงานของเข็มนาที ผลิตปริมาณจำกัดเพียงแค่ 1,000 เรือนแค่นั้น ราคาอยู่ที่ 332,100 บาท

สมัยเริ่มกับข้อดีที่เป็นฐานรากสำคัญ เริ่มจากร้านค้านาฬิกาเล็กๆในปี 1860 โดย Giovanni เป็นผู้จัดตั้ง

ที่ Ponte Alle Grazie เมือง Florence ประเทศอิตาลี นอกเหนือจากที่จะเป็นร้านค้าขายนาฬิกาแล้ว ยังเป็นสถานที่เรียนสอนปลูกข้าวฬิกาที่แรกของเมืองอีกด้วย ถัดมาในปี 1890 Guido หลานของ Giovanni ได้เข้ามาดูแลธุรกิจต่อแล้วก็ย้าย

ร้านค้าไปตั้งอยู่ที่เมือง Piazza San Giovanni รวมทั้งพวกเขาได้ได้โอกาสร่วมงานกับทัพเรืออิตาลีในฐานะซัพพลายเออร์อย่างเป็นทางการ ด้วยเหตุว่า ชำนาญสำหรับเพื่อการผลิตเครื่องไม้เครื่องมือความเที่ยงตรงสำหรับนักประดาน้ำอย่างเข็มทิศและก็เกจวัดระดับความลึก แล้วก็อีกอย่างที่ดินแบรนด์ บรรลุผลสำเร็จ เป็นการผลิต “RADIOMIR” ผงที่ทำจากสสาร Radium ทำให้หน้าปัดนาฬิกาสามารถเรืองแสงได้ ซึ่งเป็นของใหม่สุดยอดอันน่าจำของ เลยก็ว่าได้ เนื่องจากเป็นแบรนด์แรกๆของโลกเลยที่มีเทคโนโลยีนี้!

นาฬิกาเรือนแรกของแบรนด์ พาร์ทเนอร์กับ Rolex เพื่อสรรสร้างนาฬิกาเรือนแรกของแบรนด์ แม้ว่าจะจดสิทธิบัตร RADIOMIRในวันที่ 23 มี.ค. 1916 แม้กระนั้นนาฬิกา Prototype เรือนแรกกลับออกมาในปี 1936 ระหว่างตอนสงครามโลกครั้งที่ 2

ซึ่งพวกเขาได้ร่วมมือกับ Rolex ผู้ที่มีความชำนาญด้าน Dive Watch ในสมัยนั้น (รวมทั้งยุคนี้ด้วย) สำหรับการสร้าง RADIOMIR เรือนแรกขึ้นมา ซึ่ง Rolex เป็นผู้สร้างให้ทั้งยังเรือน (เว้นเสียแต่สารเรืองแสง) พวกเขาเริ่มด้วยการขยายเคส Oyster จาก 26 มิลลิเมตร ให้ใหญ่ขึ้นเพื่อรองรับกลไก Pocket Watch รุ่น Rolex Caliber 618 ก็เลยไม่สนเท่ห์ใจที่วางแบบของนาฬิกา RADIOMIR จะละม้ายกับ Oyster รุ่นแรก ตัวบ้าน RADIOMIR มีขนาดใหญ่ถึง 47 มิลลิเมตร ใช้เคสทรง Cushion ที่มองนำสมัยในสมัยนั้น มากับ Lug แบบเส้นลวดที่มองสะดุดตา จุดแข็งก็คือการป้องกันน้ำเป็นอย่างดีและก็สามารถอ่านเวลาได้ง่ายในน้ำลึก ซึ่งทางแบรนด์ได้ผลิโคนอกมาแค่เพียง 10 เรือนสำหรับกองกำลังคอมมานโด Frogman เพียงแค่นั้น ทำให้นาฬิการุ่นนี้หายากมากมายๆแพงมากถึง 3.5 ล้านบาท และก็นาฬิการุ่น RADIOMIR ก็จะเป็นแบบอย่างของ ทุกเรือนที่กำลังจะออกเดินทางมาในอนาคต

จิโอวานนี พาเนราย (Giovanni ) จัดตั้งขึ้นกิจการค้าขึ้นในฟลอเรนซ์เมื่อปี 1860 ใช้ชื่อของเขาเปิดร้านขายนาฬิกา

เล็กๆบนสะพานปอนเต อัลเล กราซี ถัดมาถึงค่อยย้ายกิจการค้าไปที่สี่เหลี่ยมจัตุรัสซาน จิโอวานนีใกล้วิหารโดม ร้านค้าของเขาเปิดขายนาฬิกาสวิสเป็นหลัก นาฬิกา panerai แล้วก็ตั้งชื่อร้านค้าใหม่ว่า ‘Orologeria Svizzera’ (ร้านค้านาฬิกาสวิส) พาเนรายเบาๆปรับปรุงนาฬิกาของตนตามเวลา รวมทั้งใช้ขั้นตอนการผลิตตามแบบนาฬิกาสวิส ก่อนสงครามโลกครั้งที่สองทัพเรือของอิตาลีเริ่มมีความสนใจในธุรกิจครอบครัวนี้ จนกระทั่งในปี 1935 ก็ได้มอบหมายให้พาเนรายปรับปรุงนาฬิกาสำหรับมุดน้ำที่มีตัวเลขบอกเวลาเรืองแสง ผลที่ได้เป็นนาฬิกาสำหรับใส่ข้อมือเครื่อง

Cortébert ตัวบ้านขนาด 47 มม. ทรงกล่อง สายหนังยาวเพื่อใช้สวมทับชุดมนุษย์กบ แม้กระนั้นเหตุเพราะพาเนรายไม่มีกำลังการผลิตพอเพียง ก็เลยได้ขอความร่วมมือจาก Rolex ซึ่งในช่วงเวลานั้นทาง Rolex พึ่งมี Oyster เรือนแรกที่เป็นนาฬิกาที่สามารถกันน้ำได้ แล้วก็มีตัวเรือนทรงเดียวกัน พาเนรายสามารถส่งนาฬิกาต้นแบบให้กับทัพเรืออิตาลีได้ในปี 1936 ได้เพียงแต่ 10 เรือน ซึ่งโน่นเป็นนาฬิกาต้นแบบชื่อ Radiomir ที่พาเนรายใช้เวลาปรับปรุงรุ่นนี้จนถึงเสร็จข้างในสองปี และก็โด่งดังมาจนกระทั่งปัจจุบันนี้ มีข้อคิดเห็นง่ายตรงตัวเรือนโลหะทรงกล่องขนาด 47 มม. จำนวนรวมทั้งเข็มนาฬิกาเรืองแสง รวมทั้งสายกว้างกันน้ำ

เลือกเปิดตัวนาฬิกาคอลเลคชั่น Luminor Due ที่งานมหกรรมแสดงนิทรรศการ “Dive Into Time”

ซึ่งจัดขึ้นที่เมืองฟลอเรนซ์ ในอิตาลี อันเป็นการจัดแสดงเกี่ยวกับประวัติความเป็นมาแล้วก็นาฬิกาของ PANERAI นาฬิกาคอลเลคชั่นใหม่นี้เป็นการดีไซน์ตัวบ้านแบบ Luminor ให้มีความบางมากยิ่งกว่า Luminor รุ่นอื่นๆ(และก็มีน้ำหนักค่อยกว่า Luminor รุ่นอื่นๆด้วย เมื่อเทียบเคียงจากสิ่งของเดียวกัน)

แม้กระนั้นยังคงรักษาจุดเด่นอันเป็นเอกลักษณ์ของ Luminor เอาไว้อย่างไม่มีข้อบกพร่องโดยยึดลักษณะของตัวบ้าน Luminor จากสมัยทศวรรษที่ 1950 มาเป็นต้นแบบสำหรับในการออกแบบ โดยมีการบ่มนิสัยให้มองเป็นระเบียบเพิ่มขึ้น ทั้งเลือกที่จะปฏิบัติหน้าที่ด้วยกลไกแบบอินเฮ้าส์อีกด้วย สิ่งหนึ่งที่ต่างไปจากนาฬิกา Luminor รุ่นอื่นๆซึ่งก็คือ Luminor Due มิได้ถูกวางแบบมาเพื่อเป็นนาฬิกามุดน้ำหรือเผื่อไว้ลงน้ำอะไร เพราะเหตุว่ามันมีคุณลักษณะสำหรับเพื่อการกันน้ำเพียงแค่ระดับความลึก 30 เมตร เพียงแค่นั้น แม้กระนั้นความบางของมันก็ทำให้มันเหมาะสมกับการใส่ใส่ด้านในชีวิตประจำวันมากยิ่งกว่า Luminor คอลเลคชั่นเดี๋ยวนี้รุ่นอื่นๆ

ในเนื้อหานี้ พวกเราจะพรีเซ็นท์เลขประจำเครื่องของ แล้วก็ต้นแบบจุดมุ่งหมายเลขประจำผลิตภัณฑ์ของ ใช้ โดยเฉพาะพวกเราจะเน้นไปที่ นาฬิกา panerai กระบวนการสร้างรวมทั้งวางรูปแบบลำดับที่ซีเรียลของ รวมทั้งที่สำคัญที่สุดเป็นทำรายการลำดับที่ซีเรียลของ

เพื่อช่วยทำให้คุณกำหนดปีที่ผลิตนาฬิกา ของคุณกรุณารู้ว่าเลขซีเรียลสามารถบอกได้เฉพาะขณะที่นาฬิกา ของคุณสร้างขึ้นแค่นั้น และก็แน่ๆว่าบางทีอาจเจาะจงปีที่ผลิตนาฬิกา ได้ยากขึ้นนิดนึงถ้าหากเป็นนาฬิการุ่นก่อน (วินเทจ)เลขซีเรียลของ มีตัวหนังสือ แล้วก็ตัวเขียนนี้ คุณสามารถจับคู่ตัวหนังสือกับปีที่กำหนดเอาไว้ในเนื้อหานี้ได้ ดังเช่น ตัวเขียน ”C” ในเลขลำดับประจำเครื่องของ แสดงว่านาฬิกาผลิตในปี 2000

ต่อมาในปี 1938 ได้ปรับปรุงหน้าปัดอีกแบบอย่างขึ้น ภายหลังจากตรวจสอบและลองใช้งานต่างๆนาน 2 ปี

จนถึงกำเนิดเป็นหน้าปัดแบบตามติด 2 ชั้น ด้านล่างมีสารเรเดียมเข้มข้นฉาบอยู่ ตามติดด้วยกรอบหน้าปัดหลักชั่วโมงผสมระหว่างตัวเลขฮินดูอารบิกที่ตำแหน่ง 3, 6, 9 รวมทั้ง 12 นาฬิกา ตามหน้าที่ที่เหลือจะเป็นมาร์คเกอร์แบบขีด เพื่อสามารรถยนต์อ่านค่าได้แจ่มชัดทุกภาวะแสงสว่าง แล้วก็มีหลักอ้างอิงแนวทางบนหน้าปัดจากเลขฮินดูอารบิกดังที่กล่าวมาข้างต้น ในระยะเวลาปี 1939-1940 ถือได้ว่าเป็นการเริ่มของสงครามโลกครั้งที่ 2 อย่างเต็มรูปแบบ ทัพเรืออิตาลีเวลานี้เพิ่มความอยากนาฬิกาสำหรับนักทำลายใต้น้ำที่มีคงทนถาวรเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

และก็ดำเนินการได้ในหลายๆสภาพการณ์ ได้แก่ อุณหภูมิต่ำหรือเย็นจัด เพื่อดำเนินการการรบใต้น้ำเป็นไปอย่างมีคุณภาพ ตัวบ้านถูกดีไซน์ให้ทนแรงกดดันน้ำได้มากขึ้นเหมือนทรงกระบอกสูบ เกลียวมะยมจะต้องดีไซน์ให้คุ้มครองปกป้องน้ำได้ภายใต้แรงกดใต้น้ำ ขอบตัวเรือยกตัวสูงมากขึ้นพร้อมด้วยกระจกครึ้ม แล้วก็เรียกนาฬิการุ่นนี้ว่า Radiomir 1940 (ราดิโอมีร์ 1940 เปิดตัวในปี 2013 เป็นการกลับมาอีกทีของตัวบ้านบรอนซ์ภายหลังที่ PAM382 ได้ไปถึงเป้าหมาย