พีทมอส เป็นอินทรียวัตถุจากธรรมชาติ คือซากพืชที่ทับถมกัน

พีทมอส

พีทมอส  (Peat Moss) เป็นสารสำคัญในแวดวงเพาะปลูกแล้วก็การจัดและตกแต่งสวนยอดนิยมอย่างล้นหลาม ซึ่งเป็นการเก็บเกี่ยวจากแม่น้ำหรือสระที่มีการสะสมอุปกรณ์อย่างกำมะถันไว้เป็นระยะเวลาที่ยาวนานเป็นแหล่งเกิดของอินทรีย์วัตถุ เป็นสิ่งที่มีคุณลักษณะดีเพื่อการเพาะปลูกพืชหรือใช้เพื่อสำหรับในการแก้ไขดินสำหรับในการจัดสวนพีทมอสมีความหมายเนื่องจากมีความรอดต่อการกัดกร่อนและก็ความชุ่มชื้นที่ดี ซึ่งทำให้มีความรู้และมีความเข้าใจสำหรับการเก็บกักน้ำได้มาก ก็เลยได้รับความนิยมสำหรับการใช้ในลัษณะของการปลูกพืชที่อยากระบบรากชุดใหญ่รวมทั้งรากอากาศ นอกนั้น พีทมอสยังช่วยทำให้ดินมีความร่วนซุย ปรับภาวะดินเพื่อพืชสามารถเติบโตได้อย่างเหมาะควร

การใช้พีทมอสสำหรับการเพาะปลูกมีวิธีการปฏิบัติงานง่าย โดยเริ่มจากการผสมพีทมอสกับดินปลูกภายในรูปร่างที่สมควร แล้วต่อจากนั้นใช้สำหรับเพื่อการเพาะเม็ดหรือปลูกต้นไม้ พีทมอสจะช่วยทำให้รากของพืชเติบโตได้อย่างยอดเยี่ยม เนื่องจากสามารถเก็บน้ำและก็ของกินเอาไว้ในระบบรากเจริญ ยิ่งกว่านั้น พีทมอสยังช่วยรักษาความชุ่มชื้นในดินรวมทั้งคุ้มครองป้องกันการรรากสูงบางครั้งก็อาจจะเสียหายจากการแห้งรวมทั้งความร้อน ด้วยการใช้พีทมอสสำหรับเพื่อการปลูกพืช จะช่วยทำให้รากมีการรักษาความชุ่มชื้นอย่างเหมาะควรและก็ลดการทำให้น้ำระเหยออกไปในระยะเริ่มต้นของการเติบโต ทำให้พืชได้โอกาสเติบโตอย่างสมบูรณ์แข็งแรง

 

พีทมอส

พีทมอส  เป็นวัสดุปลูกพืชที่สะอาด

นอกเหนือจากการใช้เพื่อสำหรับการเพาะปลูกพืช พีทมอสยังมีการประยุกต์ใช้สำหรับในการปรับแก้ดินสำหรับเพื่อการจัดสวน โดยใช้เพื่อการตระเตรียมดินก่อนจะมีการปลูกพืชหรือปลูกไม้ พีทมอสจะช่วยเพิ่มความร่วนซุยของดิน ปกป้องการรากน้ำของดินรวมทั้งทำให้มีประสิทธิภาพเพิ่มมากขึ้นสำหรับการถ่ายเทอากาศ ทำให้รากพืชสามารถเติบโตได้อย่างเต็มเปี่ยมรวมทั้งบริบูรณ์ข้างในภาวะดินที่ดี ทั้งพีทมอสยังสามารถประยุกต์ใช้สำหรับการสร้างเลนส์หรือเสริมรากสำหรับพืชที่อยากระบบรากที่เดินทางได้ไกล โดยการวางพีทมอสรอบๆโคนพืชหรือราก จะช่วยทำให้รากเติบโตอย่างมากรวมทั้งมั่นคง แล้วก็สามารถต่อต้านการคัดของดินในระบบรากที่ถูกเสียหายได้

ให้การระบายน้ำที่ดีแล้วก็ช่วยควบคุมอุณหภูมิในดิน ยิ่งไปกว่านี้ พีทมอส ยังสามารถใช้เป็นสิ่งของเสริมสำหรับในการสร้างคอกหรือแอ่งน้ำสำหรับสวนผักหรือสวนส่วนตัว เพราะว่ามีความรู้ความสามารถสำหรับเพื่อการเก็บน้ำแล้วก็รักษาความชุ่มชื้นเจริญ ช่วยทำให้พืชสามารถรอดรับการเก็บเกี่ยวน้ำในฤดูแล้งหรือในสภาพการณ์ที่มีการให้น้ำอย่างไม่บ่อยนักแม้กระนั้น การใช้พีทมอสในแวดวงเพาะปลูกรวมทั้งการจัดและตกแต่งสวนก็มีข้อควรปฏิบัติตามบางประการ พีทมอสมีความเป็นกรดมากมาย เมื่อใช้มากจนเกินความจำเป็นหรือในสถานการณ์ที่ดินมีความเป็นกรดมากมายอยู่แล้ว อาจจะทำให้มีการเปลี่ยนในค่า pH ของดินได้ ซึ่งบางทีอาจทำให้เกิดผลเสียต่อการเติบโตของพืชได้ ด้วยเหตุดังกล่าว ควรที่จะใช้พีทมอสในจำนวนที่สมควรแล้วก็ปรับแต่งค่า pH ของดินตามสมควร ในสรุป พีทมอสเป็นอุปกรณ์ที่มีความหมายและก็นิยมใช้ในแวดวงเพาะปลูกและก็การจัดและตกแต่งสวน มีคุณลักษณะสำหรับเพื่อการเก็บกักน้ำแล้วก็รักษาความชุ่มชื้นเจริญ ช่วยเพิ่มความร่วนซุยของดิน รวมทั้งสามารถใช้เป็นอุปกรณ์เสริมสำหรับในการสร้างระบบรากสำหรับพืชได้ แต่

จุดเด่นของพีทมอส

1. พีทมอสมีคุณลักษณะสะอาด(Cleanliness)ไม่มีสิ่งอื่นปนซึ่งหาได้ยากมากมายในอุปกรณ์ปลูกอื่นๆหากคนใดเคยปลูกต้นไม้ด้วยดิน จะพบว่าปลูกไปครู่หนึ่งจะพบว่ามีต้นหญ้าขึ้นมากับดิน มีโรค มีแมลงที่ติดมาพร้อมกับดินด้วย
2. พีทมอสมีคุณลักษณะไม่มีเชื้อโรค(Sterile)ไม่มีแบคทีเรีย เชื้อรา รวมทั้งสารเคมีปน ซึ่งนั้นทำให้พีทมอสเป็นอุปกรณ์ที่ดีที่สุดสำหรับเพื่อการเพาะต้นกล้า ลองคิดดูเด็กกำเนิดใหม่ถ้าหากใครกันแน่มีลูก แพทย์และก็พยาบาลจะแยกเด็กไปไว้ภายในห้องไม่มีเชื้อ 2-3 วัน คนภายนอกไม่อาจจะเข้าไปได้ เพราะเหตุว่าทารกยังไม่แข็งแรง ภูมิคุ้มกันโรคยังน้อย เช่นกันต้นกล้าที่ขึ้นใหม่ก็ปรารถนาสิ่งของปลูกที่ไม่มีเชื้อ แบคทีเรีย รวมทั้งสารเคมีอะไรก็แล้วแต่
3.พีทมอสมีคุณลักษณะเก็บกักความชุ่มชื้นได้ดิบได้ดี (Moisture Retention) โดยพีทมอสสามารถเก็บกักความชุ่มชื้นได้มากถึง 60-68% ของน้ำหนักตัวเอง
4. พีทมอสมีคุณลักษณะไม่แน่น(Does not Compact)แตกต่างจากดิน ดินเมื่อใช้ไปเป็นเวลานานๆจะแน่น น้ำระบายไม่ดี ทำให้รากพืชขาดออกสิเจน ถึงจะต้องมีการเสนอแนะอวยพรวนดินเป็นประจำ แม้กระนั้นพีทมอสถึงแม้ว่าจะมีคุณลักษณะเก็บกักความชุ่มชื้นก้าวหน้าแต่ว่าพีทมอสจะไม่แน่น ซึ่งช่วยทำให้รากพืชเดินดี น้ำระบายดี มีออกสิเจนสูง

  • พีทมอสใช้อย่างไร ใช้สามารถที่จะทำอะไรได้บ้าง
    ใช้เพาะเม็ดต้นกล้า โดยพีทมอสคลาสแมน มีอัตราการงอกมากถึง 99% สะอาด บริสุทธิ์ เก็บกักน้ำ รวมทั้ง อากาศก้าวหน้า ช่วยสนับสนุนการเติบโตของรากพืช ทำให้ต้นกล้าแข็งแรง โตไว รวมทั้ง เติบโตก้าวหน้าตอนหลังการย้ายปลูก
  • ใช้ปรับภาวะดิน ฟื้นฟูรากพืช สำหรับไม้ผล หรือ ไม้ยืนต้น โดยใช้โรยในรอบๆโคนต้นรอบพุ่มไม้ใบ เพื่อช่วยเพิ่มความร่วนซุย เพิ่มความรู้ความเข้าใจสำหรับการเก็บน้ำ แล้วก็ อากาศ ให้แก่ดิน ทำให้รากพืชเจริญวัยได้สุดกำลัง มีความสมบูรณ์แข็งแรงสูง ช่วยทำให้รากพืชสามารถค้นหารวมทั้งซึมซับธาตุอาหารได้อย่างมีคุณภาพ ทำให้ลำต้นแข็งแรงไม่เสื่อมโทรม สามารถสร้างผลิตผลที่ดีได้อย่างสม่ำเสมอ
  • ใช้เพื่อสำหรับการปลูกพืชดอก ไม้ประดับ หรือ ไม้กระถาง ยกตัวอย่างเช่นไม้เฟิร์นด่าง กุหลาบ หรือ พืชดอก ไม้ประดับอื่นๆทำให้พืชแข็งแรง รากเติบโตได้ดิบได้ดี ไม่มีอันตรายแล้วยังปลอดภัยจากโรครวมทั้งวัชพืชปน

เป็นสารอินทรีย์จากธรรมชาติ ที่เกิดขึ้นมาจากการแยกชั้นแล้วก็จับกุมตัวกันอย่างช้าๆของกรุ๊ปหินแร่ ซึ่งตายทับถมกันมานานเป็นระยะเวลาหลายพันปี รูปแบบของพีทมอสมีส่วนประกอบโปร่ง ช่องว่างอากาศสูง สามารถเก็บความเปียกชื้นเจริญ สามารถซับน้ำไว้แม้กระนั้นจะไม่อมน้ำจนกระทั่งเฉอะแฉะ มีความเป็นกรดอ่อนๆ(pH ต่ำ) ไม่มีเชื้อมูลเหตุโรคพืช ไม่มีวัชพืช เป็นอุปกรณ์ที่ไม่เป็นแหล่งสะสมของโรคและก็แมลง ก็เลยเป็นสิ่งของที่เหมาะกับใช้เพาะปลูกต้นกล้า ช่วยเพิ่มเปอร์เซ็นต์การงอก ต้นกล้าบริบูรณ์ แข็งแรง ช่วยสำหรับในการเติบโต เป็นสิ่งของปลูกตอบแทนดินยอดนิยมมากมายในประเทศไทย

โดยนิยมใช้พีทมอสเพาะต้นกล้าพืชที่มีมูลค่า

ดังเช่น ผักกาดหอม ดอกไม้ เมล่อน แคนตาลูป สตอเบอปรี่ แล้วก็พืชอื่นๆรวมทั้งพืชเศรษฐกิจใหม่ของไทยอย่าง “กัญชา” เมื่อต้นกล้าโตได้ขนาดและหลังจากนั้นก็ค่อยนำไปลงดินถัดไปดังนี้คุณลักษณะที่ไม่เหมือนกันของพีท เป็นความรู้ความเข้าใจสำหรับการซึมซับความชุ่มชื้น พีทสีดำจะมีความรู้ความเข้าใจสำหรับการดูดซึมความชุ่มชื้นมากที่สุด มีคุณลักษณะเป็น Humus มากที่สุด ก็เลยไม่เหมาะสมที่จะเอามาดัดแปลงเป็นปุ๋ยธรรมชาติ เพื่อใช้เพื่อการเกษตรรวมทั้งปลูกแคคตัส นอกเหนือจากนี้พีทสีดำยังแพงมากที่สุดด้วย เนื่องจากใช้เงินลงทุนสำหรับในการขุดมาก ด้วยเหตุว่าถูกทับอยู่ด้านล่างสุด ต่ำลงมากยิ่งกว่าชั้นผิวดินหลายร้อยเมตร ก็เลยไม่นิยมประยุกต์ใช้สำหรับในการเกษตร แม้กระนั้นนิยมเอามาทำเป็นเชื้อเพลิงสำหรับเพื่อการผลิตพลังงานให้ความร้อนในบ้านเรือนและก็อุตสาหกรรมทั่วๆไป

วัตถุที่เกิดขึ้นมาจากการเสื่อมสลายของมอส หรือต้นมอส ซึ่งตายทับถมกันมานานตรงเวลาหลายร้อย หลายพันปี จนถึงทับถมกับเป็นชั้นๆบางพื้นที่ชั้นของพีทมอสบางทีอาจลึกได้ถึง 30 เมตร โดยพีทมอสจะมีมากมายที่แถบอากาศหนาว โดยพีทมอสของพวกเรานำเข้าจะประเทศเอสโตเนีย ภายหลังรู้จัก ดินวิทยาศาสตร์กันในบทความที่แล้ว พวกเรามารู้จะอีกหนึ่งอุปกรณ์ที่นิยมอย่าง พีทมอส (Peat Moss) ก็นับเป็นสิ่งของปลูกจากธรรมชาติประสิทธิภาพสูงยอดนิยมและก็ใช้กันอย่างมากมายในขณะนี้ เนื่องจากเป็นสิ่งของปลูกคุณภาพดี มีความสะอาดรวมทั้งไม่มีสิ่งแปลกปลอม ช่วยลดจังหวะการเกิดโรคในพืช อีกทั้งช่วยปรับให้ปรุงส่วนประกอบรวมทั้งประสิทธิภาพของดินปลูกให้ดีเลิศเพิ่มขึ้น สามารถใช้พีทมอสเพื่อผลดีทางการเกษตรได้อย่างนานาประการ ทั้งยังการใช้เพาะพันธุ์เม็ดหรือเพาะพันธุ์ต้นกล้า ใช้ผสมกับดินธรรมชาติหรืออุปกรณ์ปลูกอื่นๆเพื่อปรับแต่งประสิทธิภาพดินให้มีความเหมาะสมกับการเพาะปลูก ช่วยเพิ่มอัตราการรอคอยดของพืชพันธุ์ ทำให้พืชแข็งแรงแล้วก็เติบโตได้อย่างมีคุณภาพ

พีทมอส มีกี่ชนิด เพราะว่าพีทมอสมีต้นเหตุมาจากวิธีการทับถมรวมทั้งเสื่อมสภาพของพืชเครือญาติมอส รวมทั้งพืชและก็สิ่งมีชีวิตอื่นๆเป็นระยะเวลาที่ยาวนานหลายพันปี ก็เลยสามารถแบ่งพีทมอสที่มีการทับถมในแต่ละชั้นออกมาจากกันด้วยการใช้ระดับความชุ่มชื้นและก็ระดับการเสื่อมสภาพ โดยในตอนปี คริสต์ศักราช 1926 Lennart Von Post ได้ทำการศึกษาเรียนรู้และก็จำแนกประเภทดินพีทมอสออกเป็น 10 ระดับ (Von Post scale) ซักไซ้ตั้งแต่ระดับชั้น H1 ที่เป็นข้างบนสุดของพีทมอสที่ยังไม่มีการเสื่อมสภาพ สามารถเห็นเป็นเส้นใยของพืชได้อย่างเห็นได้ชัด ไล่ระดับลงไปจนกระทั่งชั้น H10 ที่เกิดขั้นตอนการเสื่อมสลายขึ้นอย่างสมบูรณ์ ทำให้ดินพีทมอสในชั้น H10 มีเนื้อแน่นละเอียด รวมทั้งมีคุณลักษณะสำหรับเพื่อการเก็บกักความชุ่มชื้นเจริญเยอะที่สุด

พีทมอส

นอกไปจากการแบ่งแยกพีทมอสออกเป็นชั้นๆตามระดับความชุ่มชื้นแล้วก็ความสมบูรณ์ของการเสื่อมสภาพ (H1-H10) แล้วนั้น ยังสามารถจัดหมวดหมู่พีทมอสออกมาจากกันด้วยการเลือกใช้สีและก็ความละเอียดของเนื้อพีทมอส โดยสามารถจำแนกแยกแยะออกได้เป็น 3 กรุ๊ป ดังเช่น พีทมอส มีต้นเหตุมาจากการเสียชีวิตทับถมกันของต้นมอสสายจำพวกสแปกนัม (Sphagnum sp.) ซึ่งตายทับถมกันมานานเป็นระยะเวลาหลายพันปี โดยรูปแบบของพีทมอสจะมีองค์ประกอบโปร่ง ช่องว่างอากาศสูง สามารถเก็บความเปียกชื้นได้ดิบได้ดี มีความเป็นกรดอ่อนๆ(pH ต่ำ) ไม่มีเชื้อต้นเหตุโรคพืช ไม่มีวัชพืช ก็เลยมีคุณลักษณะสมควรใช้เป็นอุปกรณ์ปลูกรวมทั้งอุปกรณ์เพาะกล้าอย่างดีเยี่ยม

  • แบ่งรูปแบบของพีทมอสตามชั้นรวมทั้งเนื้อพีทได้ดังต่อไปนี้
    พีทมอสข้างบนจะมีสีน้ำตาล องค์ประกอบโปร่ง ช่องว่างอากาศสูงเพราะเหตุว่าพีทข้างบนการกดทับน้อย ผ่านการเสื่อมสภาพไม่นานก็เลยมีองค์ประกอบเส้นใยอยู่บ้าง พวกเราจะเรียกว่าพีทข้างบนนี้ว่า “พีทขาว” (White peat)
  • พีทมอสชั้นรองลงมาจะมีสีน้ำตาลเข้ม องค์ประกอบยังคงมีความโปร่งสบายอยู่ แม้กระนั้นผ่านการเสื่อมสภาพมาบ้างแล้วเส้นใยจะลดน้อยลง สามารถเก็บความเปียกชื้นได้ดีมากว่าพีทขาว พวกเราเรียกพีทชั้นนี้ว่า Moderately decomposed White peat หรือบางบุคคลเรียกว่า “พีทน้ำตาล” (Brown peat)
    พีทด้านล่างจะมีสีดำสามารถเก็บความเปียกชื้นก้าวหน้า องค์ประกอบเนื้อพีทมีความโล่งน้อย เนื่องด้วยผ่านการกดทับมานานรวมทั้งผ่านการเสื่อมสภาพมานานแล้ว พวกเราจะเรียก พีทชั้นนี้ว่า “พีทดำ” (Black peat)

พีทมอส (Peat Moss) เป็นวัสดุเส้นใยสีน้ำตาลเข้มของสแฟ็กนัมมอสและอินทรีย์อื่นๆ ufabetwin666  ที่ย่อยสลายแล้วทับถมกันมานานหลายพันปี ก่อเกิดเป็นพีทมอสอยู่ที่ชั้นล่างพื้นที่ชุ่มน้ำ พีทมอสมักใช้เป็นสารปรับปรุงดินหรือวัสดุปลูกในสวนและพืชสวน เนื่องจากความสามารถในการปรับปรุงโครงสร้างดินและอุ้มน้ำได้ดี มีความโปร่งที่ทำให้พืชได้อากาศทั่วถึง ไม่เปื่อยย่อยสลายตัวเร็วเกินไป อย่างไรก็ตาม พีทมอสไม่ใช่ทรัพยากรหมุนเวียน และการเก็บเกี่ยวอาจทำให้เกิดความเสียหายอย่างมากต่อสิ่งแวดล้อมด้วยเหตุนี้จึงมีทางเลือกมากมายที่ถูกมองว่าเป็นวัสดุทดแทนพีทมอส ข้อกังวลหลักประการหนึ่งของพีทมอสคือความยั่งยืน ต้องใช้เวลาหลายพันปีในการย่อยสลายและก่อเกิดเป็นพีทมอส ซึ่งความต้องการพีทมอสที่มากขึ้น นำไปสู่การเก็บเกี่ยวมากเกินไปและการทำลายพีทมอส

ซึ่งอาจส่งผลเสียต่อสิ่งแวดล้อมและระบบนิเวศในท้องถิ่นนอกจากนี้ พีทมอสอาจมีราคาแพงในการซื้อ สิ่งนี้อาจทำให้ชาวสวนบางคนเข้าถึงทรัพยากรอันมีค่านี้ได้ยาก แต่ก็มีทางเลือกมากมายสำหรับทดแทนพีทมอสที่สามารถใช้เป็นวัสดุเพาะกล้าหรือวัสดุปลูกแทนพีทมอสได้ ตัวเลือกหนึ่งที่ได้รับความนิยมคือขุยมะพร้าวซึ่งทำจากเปลือกมะพร้าวที่มีเส้นใย มีความสามารถในการกักเก็บน้ำได้ใกล้เคียงกับพีทมอสและเก็บเกี่ยวได้ยั่งยืนกว่า เนื่องจากต้นมะพร้าวเป็นทรัพยากรหมุนเวียน ทางเลือกอื่นๆ ได้แก่ เศษไม้ ปุ๋ยหมัก และเปลือกไม้ที่ทำปุ๋ยหมัก วัสดุเหล่านี้สามารถนำมาใช้เพื่อปรับปรุงโครงสร้างของดินและให้ธาตุอาหารแก่พืช โดยไม่ต้องกังวลเรื่องสิ่งแวดล้อมที่เกี่ยวข้องกับพีทมอส